เงินจะไปทางไหน

 ถาม :เงินจะไปทางไหน ?

ตอบ : เงินจะไปในที่ที่มีผลตอบแทนสูงสุด ณ ระดับความเสี่ยงเดียวกัน
ปัจจัยหลักสำคัญสองประการ ในการจัดสรรเงินเพื่อการลงทุน คือ ผลตอบแทน และความเสี่ยง
เมื่อคิดจะลงทุน ใครๆก็อยากจะได้ผลตอบแทนมากๆ หรือ เลือกเอาผลตอบแทนสูงสุดเท่าที่ทางเลือกที่มี หากคิดแค่นี้ทุกคนก็คงจะไม่นำเงินไปลงทุนในผลตอบแทนต่ำใช่ไหมละครับ แต่เมื่อมีการลงทุนเกิดขึ้น สิ่งที่เป็นเงาตามตัวกันมานั่นคือ ความเสี่ยง ซึ่งจะต้องนำพิจารณาประกอบการลงทุนควบคู่กันไป
ความเสี่ยง พูดให้เข้าใจสั้นๆที่สุดคือ ความไม่แน่นอน และเมื่อการลงทุนเกิดขึ้นก็จะมีความเสี่ยงเกิดขึ้น ความไม่แน่นอนว่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่คาดหวังเอาไว้ ยิ่งผลตอบแทนมากขึ้นเท่าไร ความเสี่ยงก็จะมากขึ้นเท่านั้น High Risk High Retrurn เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ (แต่สามารถบริหารได้) เป็นกฏเกณฑ์ตามธรรมชาติของการลงทุน
ดังนั้น การตัดสินใจว่าเงินควรจะไปอยู่ที่ไหนนั้น ทางเลือกที่ดีที่สุดนั่น คือ การเปรียบเทียบเอาผลตอบแทนและความเสี่ยงที่เราสนใจจะลงทุนประกอบกันไป และเลือกลงทุนณ ระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ นั่นคือ เราจะเลือกลงทุนในที่ที่มีผลตอบแทนสูงสุด ณ ระดับความเสี่ยงเดียวกัน หรือกลับกัน เราจะเลือกลงทุนที่ที่มีความเสี่ยงต่ำที่สุด ณ ระดับผลตอบแทนที่เท่ากันก็ได้เช่นกันครับ
.
สำหรับท่านที่กำลังDCAอยู่ไม่ว่าหุ้นหรือกองทุน เพื่อลงทุนระยะยาวเตรียมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณ ให้พิจารณาจัดสรรเงินในหุ้นหรือกองแต่ละตัวตามความเหมาะสม คือ ความเสี่ยงที่ท่านยอมรับได้ และ ผลตอบแทนที่อยากได้ ชั่งน้ำหนักและเปรียบเทียบกันให้ดีนะครับ
.





ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท"

รูปภาพ
  "มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท" . คนรุ่นลุงสอนให้เก็บเล็กสะสมน้อย ก็สามารถเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ในที่สุด . สมัยนี้มีใครบ้างรู้จักเหรียญสลึง หนึ่งสลึง = 0.25 บาท สี่สลึง = 1 บาท [หนึ่งสลึง = 25 สตางค์ ( 100 สตางค์ = 1 บาท)] . หากเรามีเหรียญสลึงจำต้องเก็บให้ถึงสี่เหรียญจนเป็นเงินหนึ่งบาท ร้านค้าทั่วไปจึงจะยอมรับให้ซื้อของได้ เพราะในปัจจุบันสินค้าราคาต่ำกว่าหนึ่งบาท หรือเป็นเศษสตางค์แทบไม่มีให้เห็นแล้ว . หลายคนพอได้รับเหรียญสลึงมามักจะไม่ค่อยสนใจ เพราะเป็นจำนวนเงินที่น้อย ทั้งเหรียญสลึงเองก็มีขนาดเล็ก พกลำบาก ดังนั้นพอได้มาแล้วก็เลยชอบที่จะนำไปใส่ตู้บริจาค หรือยกให้ร้านค้าที่ทอนเงินเป็นเหรียญสลึงคืนไปซะมากกว่า หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ขี้เกียจเก็บ . ฟังๆดูแล้ว การเก็บเหรียญสลึงดูไม่ค่อยจะเป็นประโยชน์สักเท่าไร และดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเกินไปที่จะต้องนำมาใส่ใจ . แต่หนึ่งสลึง ก็คือ เงิน การเห็นคุณค่าของเงินแม้เพียงเล็กน้อย ลุงถือว่าเป็นทัศนคติที่สำคัญ ที่ไม่ควรมองข้ามกันไป ดังนั้นลุงจึงอยากจะให้แง่คิด ในเรื่องทัศนคติเกี่ยวกับการมองเห็นคุณค่าของเงินที่ว่า การรู้จักสะสมเงินแม้เพียงเล็กน้อย มันก...
อ่านเพิ่มเติม

เงินเฟ้อ (inflation) คืออะไร

รูปภาพ
  เงินเฟ้อ (inflation) คือ ภาวะที่ราคาสินค้าและบริการแพงขึ้น จึงทำให้เงินของเรามูลค่าลดลงเมื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย หรือกล่าวได้ว่าทำให้อำนาจซื้อของเงินลดลง (purchasing power) . พวกเราทุกคนต่างจำเป็นต้องมีเงิน เก็บเงินไว้ เงินซึ่งมีสถานะเป็นตัวกลางเพื่อนำไปแลกเปลี่ยนเป็นสินค้าและบริการที่เราต้องการ นำเงินไปซื้อของอาหาร , ตู้เย็น , เตารีด , บริการขนส่ง หรือค่าบริการทางการแพทย์ เพราะคงไม่มีใครนำเงินมาใส่ปากกินให้อิ่ม หรือนำเงินมาทำให้เสื้อผ้าเรียบได้ (ก็แน่ละ อิ อิ) , หากสินค้าและบริการที่เราต้องกินต้องใช้นั้นแพงขึ้น ก็จะส่งผลให้เงินเรา นำไปแลกสินค้าและบริการนั้นได้น้อยลง หรือต้องจ่ายเงินมากขึ้น ตัวอย่างยอดนิยมที่มักนำมาอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ . "เมื่อ 20 ปีก่อนเราจ่ายค่าก๋วยเตี๋ยวในราคาชามละ 20 บาท ในปัจจุบัน ก๋วยเตี๋ยวที่เหมือนเดิมทุกอย่างนั้นราคาแพงขึ้น เราจำต้องควักเงินจ่ายถึง 40 บาทเพื่อให้ได้มา" เหตุเพราะภาวะเงินเฟ้อ จึงทำให้มูลค่าของเงิน 20 บาทในอดีต ไม่สามารถซื้อก๋วยเตี๋ยวได้หนึ่งชามเหมือนเดิมในปัจจุบัน หรือ ต้องใช้เงินมากขึ้นเพื่อให้ได้สินค้าและหนึ่งหน่วยเท่าเดิม . เงิ...
อ่านเพิ่มเติม

ว่าด้วยเรื่องของการยืมเงิน :

รูปภาพ
  ว่าด้วยเรื่องของการยืมเงิน : ข้ออ้างในการขอยืมเงิน “ถ้าไม่อยากให้ใครลืม ให้ยืมเงินเค้า” . ข้ออ้างการไม่ให้ยืมเงิน “ถ้าอยากรักษาเงินเอาไว้ ให้ลืมคนที่จะมายืมเงินของคุณซะ” . #เงินลุง #ยืมเงิน #วางแผนการเงิน @moneylung
อ่านเพิ่มเติม