นักลงทุน 4 ประเภท ในตลาดหุ้น

 นักลงทุน 4 ประเภท :

ทุกๆสิ้นวันที่ตลาดหุ้นปิดทำการ เหล่านักลงทุนหลายท่านจะตั้งตารอประกาศหนึ่งที่สำคัญมากๆ นั่นคือ สรุปการซื้อขายสิ้นวัน ซึ่งเป็นข้อมูลที่แสดงถึงผู้เล่นในตลาดทั้ง 4 กลุ่มว่า มีใครซื้อ หรือ ขายสุทธิ เท่าไรกันบ้าง แต่ใครจะเป็นใคร และมีพฤติกรรมอย่างไรนั้น เรารู้จักกับพวกเขาดีพอแล้วหรือยัง การศึกษาพฤษติกรรมของพวกเขาซึ่งมีบุคคลิกและลักษณะที่แตกต่างกันออกไป จะทำให้เราพอที่จะสามารถคาดการณ์ถึงทิศทางและแนวโน้มตลาดหุ้นในอนาคตได้
.
กลุ่มของนักลงทุน 4 ประเภท
1.นักลงทุนสถาบันในประเทศ
2.นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์
3.นักลงทุนต่างประเทศ
4.นักลงทุนในประเทศ
.
เชิญอ่านรายละเอียดต่อกันได้เลยครับ
.
.
1.นักลงทุนสถาบันในประเทศ คือ กลุ่มนักลงทุนประเภทสถาบันในประเทศ ไทย ดังต่อไปนี้
กองทุนรวม , LTF ,RMF ,Trigger Fund
กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
กองทุนประกันสังคม , กบข. , กองทุนเพื่อการออมแห่งชาติ
ธนาคารแห่งประเทศไทย , ธนาคารพาณิชย์
บริษัทประกันชีวิต , บริษัทประกันภัย
บริษัทเงินุทน และ อื่นๆตามที่SEC.กำหนด
.
ในวงการจะเรียกกลุ่มนี้สั้นๆว่า "กอง"
.
พฤติกรรม : ถือว่าเป็นนักลงทุนที่มี ข้อมูล และประสบการณ์สูงมาก เพราะประกอบการลงทุนเป็นอาชีพ มีเม็ดเงินลงทุนเยอะ ซึงส่วนใหญ่จะมาจากหน่วยลงทุนในกองทุนรวมที่เสนอขายโดยบลจ.ต่างๆในประเทศ
.
ลักษณะการลงทุนระยะสั้นและยาวแตกต่างกันไปแล้วแต่นโยบาย ซึ่งเม็ดเงินส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในระยะยาวเป็นหลัก
.
การซื้อขายจะเน้นหนักที่หุ้นตัวใหญ่ๆ หรือ มีหุ้นที่มูลค่าMarket cap.สูง นั่นคือเป็นหุ้นที่อยู่ในSET50 หรือSET100 หากกองเข้าลงทุนในตลาดเพิ่ม เม็ดเงินจะตกอยู่ที่หุ้นขนาดใหญ่ แล้วก็จะส่งผลให้ภาพรวมตลาดสดใสไปด้วย
.
เปรียบหุ้นเป็นปลาขนาดใหญ่ หากปลาตัวนี้มีความเคลื่อนไหวในทิศทางใด ก็จะทำให้กระแสน้ำหรือทิศทางตลาดหุ้น มีแนวโน้มไปในทิศทางนั้นตามกันด้วยครับ
.
มีช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ กอง จะเข้ามาซื้อหุ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ คือ 1-2 สัปดาห์ก่อนสิ้นสุดแต่ละไตรมาส เรียกว่า การทำWindow dressing
.
การซื้อขายสุทธิของเขาส่งผลต่อแนวโน้มตลาดหุ้นในระยะกลางถึงยาว
.
.
2.นักลงทุนบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ คือ นักลงทุนผู้ใช้บัญชีและเงินของบริษัทหลักทรัพย์ เทรดเพื่อหวังผลกำไรเข้าบริษัทของตัวเองโดยตรง
.
ในวงการจะเรียกกลุ่มนี้สั้นๆว่า "ป๊อป" หรือ ปอป ซึ่งมาจากผู้ที่ทำหน้าที่เหล่านี้มีศัพท์ภาษาอังกฤษว่า Proprietary Trading
.
พฤติกรรม : เนื่องจากเป็นบริษัทให้บริการการซื้อขายหลักทรัพย์มาดำเนินการเทรดเอง จึงมีความได้เปรียบเรื่องค่าคอมมิสชั่นที่ต่ำกว่า
.
บ้างเทรดเพื่อดูแลสภาพคล่องของหลักทรัพย์ หรือเป็น Market Maker , บ้างเทรดเพื่อเก็งกำไร , บ้างเทรดเพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือเทรดArbitrage
.
โดยทั่วไปจะมีพฤติกรรมการเทรดระยะสั้น ถึงค่อนข้างสั้นมาก
.
ถ้าป๊อปมีการซื้อหรือขายสุทธิมากๆในแต่ละวัน อาจทำให้ตลาดในระยะสั้นมีความผันผวนในวันถัดๆไปสูงมาก แต่ไม่ค่อยมีผลกับแนวโน้ม
.
.
3.นักลงทุนต่างประเทศ คือ นักลงทุนจากต่างประเทศ หรือมาจากOff-Shore เข้ามาลงทุนในประเทศไทย มีกันมากหน้าหลายตา แต่ที่รู้จักกันดีสำหรับบ้านเรา คือ กองทุน Templeton ผู้จัดการกองทุนชื่อ Mark Mobius ซึ่งถนัดการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนา หรือ ประเทศเกิดใหม่ [Emerging Market]
.
ในวงการจะเรียกกลุ่มนี้สั้นๆว่า "ฝรั่ง"
.
พฤติกรรม : เป็นนักลงทุนที่มีเม็ดเงินมากที่สุดในตลาด ปัจจัยสำคัญในการพิจารณาลงทุนจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจมหภาค , ภาวะการเมือง-สังคม ค่าเงินบาท และอัตราดอกเบี้ย และจะเลือกลงทุนในหุ้นที่มีMarket cap.ขนาดใหญ่และสภาพคล่องสูงมากเป็นสำคัญ
.
ตลาดหุ้นบ้านเราถ้ามีการเข้าซื้อจากนักลงทุนกลุ่มนี้ จะเรียกว่าเงินทุนไหลเข้า หากขายจะเรียกว่า เงินทุนไหลออก การมีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ตลาดหุ้น มีแนวโน้มการปรับตัวขี้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เรียกว่าตลาดเข้าสู่ภาวะกระทิง (Bullish) ตรงกันข้าม ถ้ามีเงินทุนไหลออกตลาดหุ้น ตลาดก็จะมีแนวโน้มปรับตัวลง หรือเข้าสู่ภาวะหมี (Bearish)
.
โดยทั่วไปการซื้อขายสุทธิของฝรั่ง ส่งผลต่อทิศทางตลาดหุ้นสูงที่สุดในกลุ่มของนักลงทุนทั้งหมด ทำให้เกิดแนวโน้มตลาดหุ้นในระยะกลางถึงยาว
.
.
4.นักลงทุนในประเทศ คือ นักลงทุนประเภททั่วไป ประชาชน กระทั่งนิติบุคคลที่ไม่ได้เป็นไปตามSECกำหนด ผู้มีบัญชีซื้อขายในประเทศ ทั้งรายเล็กและรายใหญ่
.
ในวงการจะเรียกกลุ่มนี้สั้นๆว่า รายย่อย , แมงเม่า หรือ เม่า
.
พฤติกรรม : เป็นนักลงทุนที่มีจำนวนมากที่สุด และปริมาณการซื้อขายมากที่สุดในตลาด แต่เนื่องจากมีจำนวนเยอะ การตัดสินใจขึ้นอยู่กับปัจเจกบุคคล ซึ่งเป็นหน่วยย่อยจำนวนมาก จึงไม่มีความสัมพันธ์ต่อกัน พฤติกรรมหลักจึงไม่ชัดเจน จุดสังเกตที่เห็นได้ทั่วไป คือ ตลาดหุ้นลงก็ซื้อ ตลาดหุ้นขึ้นก็ขาย
.
การซื้อหรือขายสุทธิของนักลงทุนกลุ่มนี้ ไม่ค่อยมีความสัมพันธ์กับทิศทางตลาดอย่างชัดเจน
.
@moneylung
















ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

"มีสลึงพึงบรรจบให้ครบบาท"

เงินเฟ้อ (inflation) คืออะไร

ว่าด้วยเรื่องของการยืมเงิน :